ไฮยาลูรอน

ไฮยาลูรอน (Hyaluron) คืออะไร? เจาะลึกคุณสมบัติและวิธีใช้ให้ได้ผล

เคยสงสัยไหมว่าทำไมผิวของบางคนถึงดูชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง และอ่อนเยาว์อยู่เสมอ เคล็ดลับสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ‘Hyaluron’ หรือ ไฮยาลูรอน สารที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว แล้ว Hyaluron คืออะไร? และทำไมมันถึงกลายเป็นส่วนผสมยอดนิยมในสกินแคร์? วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงประโยชน์ของ Hyaluron ในสกินแคร์ และไขข้อสงสัยว่ามันช่วยบำรุงผิวของเราได้อย่างไร

รู้จัก ไฮยาลูรอน (Hyaluron) คืออะไร? 

ไฮยาลูรอน (Hyaluron) คือ สารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในการอุ้มน้ำได้มากถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัว ทำให้เป็นส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นและลดเลือนริ้วรอย ซึ่งร่างกายของเราสามารถผลิต Hyaluron ได้เองตามธรรมชาติ โดยพบได้ในผิวหนัง เนื้อเยื่อ และน้ำหล่อเลี้ยงข้อต่อ แต่เมื่ออายุมากขึ้น ระดับ Hyaluron ในร่างกายจะลดลง ส่งผลให้ผิวแห้งกร้านและเกิดริ้วรอย

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ Hyaluron เช่น เซรั่มและครีม ช่วยชดเชย Hyaluron ที่สูญเสียไปตามวัย ทำให้ผิวกลับมาชุ่มชื้นและดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง

ไฮยาลูรอน 3 ขนาดโมเลกุล เพื่อผิวสวยครบจบทุกปัญหา

ไฮยาลูรอน ส่วนประกอบ

กรด Hyaluron สังเคราะห์มี 3 ประเภท ดังนี้

  • High molecular hyaluron: H-HA (ไฮยาลูรอน สายยาว) ขนาดใหญ่ที่สุด (ประมาณ 2000 kDa) ทำงานบนผิวชั้นนอก ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและเติมเต็มริ้วรอยตื้นๆ ให้ผิวดูเรียบเนียน
  • Medium molecular hyaluron: M-HA (ไฮยาลูรอน สายกลาง) ขนาดกลาง (ประมาณ 1000-1400 kDa) ซึมลงสู่ผิวชั้นหนังกำพร้า ช่วยเติมความชุ่มชื้นและลดเลือนริ้วรอยได้ลึกกว่า
  • Low molecular hyaluron: L-HA (ไฮยาลูรอน สายสั้น) ขนาดเล็กที่สุด (ประมาณ 52 kDa) ซึมลึกถึงผิวชั้นใน ช่วยเติมเต็มริ้วรอยจากภายในและกระตุ้นการสร้าง Hyaluron ตามธรรมชาติ

ทำไมต้องเลือกใช้ ไฮยาลูรอน

ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นในการฟื้นฟู บำรุงผิว ลดเลือนริ้วรอย และเติมความชุ่มชื้น กรด Hyaluron จึงถูกนำมาใช้ผลิตสกินแคร์ดูแลผิวต่าง ๆ เช่น ครีมลดริ้วรอยและเซรั่ม เพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สาเหตุของริ้วรอย ผิวไม่เด้ง ไม่ฟู ดูโทรม

ปัญหาผิวเหล่านี้เกิดขึ้นได้จาก 2 ปัจจัยหลัก

1. ปัจจัยภายใน

  • อายุที่เพิ่มขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตสารสำคัญใต้ผิวหนังน้อยลง เช่น คอลลาเจน อิลาสติน และไฮยาลูรอน ซึ่งสารเหล่านี้ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ยืดหยุ่น และเต่งตึง ซึ่งการลดลงของสารเหล่านี้ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น เกิดริ้วรอย และหย่อนคล้อย

2. ปัจจัยภายนอก

  • ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งทำลายคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดริ้วรอย
  • แสงแดดและมลภาวะ อนุมูลอิสระจากแสงแดดและมลภาวะทำร้ายผิว ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย
  • การดื่มน้ำไม่เพียงพอ ผิวที่ขาดน้ำจะแห้งและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ครีมลดริ้วรอยที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่เหมาะสมกับสภาพผิวอาจไม่ได้ผล หรืออาจทำให้เกิดการระคายเคือง

ไฮยาลูรอน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแบบใดบ้าง

ไฮยาลูรอน (Hyaluron)  สารที่เปรียบเสมือนบ่อน้ำให้กับผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหลากหลายประเภท ดังนี้

  • ผิวแห้งกร้านและขาดความชุ่มชื้น Hyaluron มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้นได้มากกว่า 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวสาร ช่วยฟื้นฟูผิวที่ลอกเป็นขุยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ผิวมีริ้วรอยและหย่อนคล้อย ช่วยลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ช่วยยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์
  • ผิวคล้ำเสียจากแสงแดด ใช้ Hyaluron ร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส
  • ผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย ใช้ Hyaluron สูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ ทาในปริมาณบาง ๆ
  • ผิวที่มีปัญหาหลังรักษาสิว Hyaluron สามารถใช้ร่วมกับการรักษาสิวได้ เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน และช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งจากการใช้ยารักษาสิว
  • ผิวที่ต้องการความชุ่มชื้นแบบล้ำลึก เลือกใช้ Hyaluron ประเภท Cross-linked HA หรือ High Molecular Weight ซึ่งสามารถซึมลึกถึงผิวชั้นใน

ประโยชน์ของ Hyaluron เคล็ดลับผิวสวยอ่อนเยาว์

ไฮยาลูรอน ประโยชน์

เมื่ออายุมากขึ้น ระดับ Hyaluron ในผิวจะลดลง ทำให้ผิวแห้งกร้านและเกิดริ้วรอย การเติม Hyaluron ให้ผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญ มาดูกันว่า Hyaluron มีประโยชน์ต่อผิวอย่างไรบ้าง

เติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว

 Hyaluron มีคุณสมบัติเด่นในการกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวอิ่มน้ำ เปล่งปลั่ง และดูอ่อนเยาว์ การที่ผิวมีความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอจะช่วยรักษาความฉ่ำวาวและความนุ่มเด้ง ซึ่งเป็นลักษณะของผิวสุขภาพดี นอกจากนี้ งานวิจัยจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกายังชี้ให้เห็นว่า การสูญเสียความชุ่มชื้นเป็นสาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอย ดังนั้น การเติม Hyaluron ให้ผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและลดเลือนริ้วรอย

ช่วยลดริ้วรอย

การเติม Hyaluron หรือไฮยาลูรอนิค แอซิดให้ผิวจึงช่วยกักเก็บน้ำ ทำให้ผิวอิ่มฟู ชุ่มชื้น และริ้วรอยดูจางลง โดยข้อมูลจาก NCBI ระบุว่าไฮยาลูรอนิค แอซิดช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว นอกจากนี้ การป้องกันแสงแดดก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะแสงแดดเป็นตัวการหลักที่ทำร้ายผิวและทำให้เกิดริ้วรอย การใช้ครีมกันแดดจึงเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้ามในการดูแลผิว

Hyaluron ไม่ได้มีประโยชน์แค่เรื่องความชุ่มชื้นและริ้วรอยเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นได้อีกด้วย โดยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิค แอซิดจะช่วยเติมน้ำให้ผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียน อิ่มฟู และเปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อผิวมีความชุ่มชื้นที่เหมาะสม ผิวก็จะดูสุขภาพดีและกระจ่างใสขึ้น

เพิ่มความกระจ่างใส

Hyaluron ไม่ได้มีประโยชน์แค่เรื่องความชุ่มชื้นและริ้วรอยเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นได้อีกด้วย โดยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิค แอซิดจะช่วยเติมน้ำให้ผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียน อิ่มฟู และเปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อผิวมีความชุ่มชื้นที่เหมาะสม ผิวก็จะดูสุขภาพดีและกระจ่างใสขึ้น

Hyaluron ใช้คู่กับอะไรได้บ้าง 

ส่วนผสมที่ควรใช้คู่กับ Hyaluron เพื่อประสิทธิภาพในการบำรุงผิวเพิ่มขึ้น ดังนี้

  • วิตามินซี (Vitamin C) ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและปกป้องผิวจากแสงแดด Hyaluron จะช่วยลดความแห้งกร้านและการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นจากวิตามินซี และตัวอย่างการใช้ทาวิตามินซีตอนเช้า ตามด้วย Hyaluron และปิดท้ายด้วยครีมกันแดด
  • เรตินอล (Retinol) ช่วยลดเลือนริ้วรอย แต่เรตินอลอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ การใช้  Hyaluron จะช่วยฟื้นฟูผิวและลดอาการระคายเคือง ควรใช้เรตินอลตอนกลางคืน และใช้ Hyaluron ตอนเช้า
  • เซราไมด์ (Ceramides) เสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ซึ่ง Hyaluron ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก โดยใช้เซราไมด์เป็นครีมบำรุงหลัก และใช้ Hyaluron เป็นเซรั่มเสริม
  • วิตามินอี (Vitamin E) ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซึ่ง Hyaluron จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงผิว

สารที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อใช้ร่วมกับไฮยาลูรอน

แม้ Hyaluron จะเป็นสารที่อ่อนโยนและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้อย่างดีเยี่ยม แต่การใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ เพื่อให้ผิวของคุณได้รับการดูแลอย่างอ่อนโยนและมีประสิทธิภาพสูงสุด เรามาทำความเข้าใจกันอย่างละเอียดยิ่งขึ้นว่า Hyaluron ควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับสารใดบ้าง

  • กรดผลัดเซลล์ผิว (AHA/BHA) เช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) และกรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งการใช้ร่วมกับ Hyaluron อาจทำให้ผิวแห้ง ลอก และระคายเคืองได้ เนื่องจากทั้งสองสารมีกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน
  • เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) สารนี้ใช้ในการรักษาสิว แต่มีฤทธิ์ทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง ซึ่งการใช้ร่วมกับ Hyaluron อาจทำให้ผิวแห้งมากขึ้น และลดประสิทธิภาพของ Hyaluron ในการให้ความชุ่มชื้น

ข้อควรระวังในการใช้ Hyaluron

แม้ว่า Hyaluron จะอ่อนโยนต่อผิว แต่การใช้ส่วนผสมหลายชนิดพร้อมกันอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ควรทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ บนผิวบริเวณเล็ก ๆ ก่อนใช้ทั่วใบหน้า ซึ่งการใช้สกินแคร์ควรจะดูปัญหาผิวของเราเป็นหลัก หากเกิดอาการระคายเคืองควรหยุดใช้ทันที

คำถามที่พบได้บ่อย (FAQs)

วิธีทาไฮยาลูรอนให้ผลดีที่สุด?

เพื่อให้ Hyaluron ดูดซับความชื้นเข้าสู่ผิวได้ดีที่สุด ควรทาหลังจากล้างหน้า ในขณะที่ผิวยังมีความชื้นเล็กน้อย

ไฮยาลูรอนทาทุกวันได้ไหม?

สามารถทา Hyaluron ทุกวันได้ เพราะเป็นสารที่อ่อนโยนและปลอดภัย สามารถใช้ได้ทุกวัน โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ทั้งเช้าและเย็น เพื่อคงความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวอย่างต่อเนื่อง

สรุป

Hyaluron เป็นสารธรรมชาติที่มีความสามารถในการอุ้มน้ำได้มากถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัว ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวและลดเลือนริ้วรอย โดยมี 3 ขนาดโมเลกุลที่ทำงานในระดับผิวที่แตกต่างกัน เมื่อผสมกับสารอื่นๆ เช่น วิตามินซี หรือเรตินอล จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงผิว Dermageneration โรงงานผลิตเครื่องสำอางคุณภาพสูงที่คัดสรร Hyaluron บริสุทธิ์ทั้งสามขนาดโมเลกุล ช่วยให้ผิวของคุณได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึกและมีประสิทธิภาพสูงสุด

แหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับข้อมูล Hyaluron

clevelandclinic. Arpil 5, 2022. Hyaluronic Acid

https://my.clevelandclinic.org/health/articles/22915-hyaluronic-acid

webmd. Hyaluronic Acid – Uses, Side Effects, and More

https://www.webmd.com/vitamins/ai/ingredientmono-1062/hyaluronic-acid