เครื่องสำอาง มีกี่ประเภท

เครื่องสำอางมีอะไรบ้าง? มีกี่ประเภท สำรวจโลกของผลิตภัณฑ์เสริมความงาม

ในโลกที่ความสวยความงามเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญ เครื่องสำอางจึงกลายเป็นไอเทมสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและเติมเต็มความงามในแบบของตัวเอง แต่ท่ามกลางผลิตภัณฑ์มากมายในท้องตลาด เคยสงสัยกันไหมว่า เครื่องสำอางมีอะไรบ้าง? บทความนี้จะพาทุกคนไปสำรวจโลกของเครื่องสำอาง ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ไปจนถึงเครื่องสำอางสำหรับแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า เพื่อให้คุณได้รู้จักและเข้าใจผลิตภัณฑ์เหล่านี้มากยิ่งขึ้น 

เครื่องสำอางทำความสะอาด

เครื่องสำอางทำความสะอาดมีหลายแบบให้เลือก ใช้สำหรับทำความสะอาดผิวหน้าและผิวกายของเรา มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

เมกอัปรีมูฟเวอร์ (Makeup Remover)

  • คลีนซิ่งวอเตอร์ (Cleansing Water) ใช้เช็ดเครื่องสำอางแบบเบา ๆ เหมาะกับวันที่แต่งหน้าไม่เยอะ
  • คลีนซิ่งมิลค์ (Cleansing Milk) เนื้อโลชั่นนุ่ม ๆ ใช้เช็ดเครื่องสำอางที่ไม่หนักมาก
  • คลีนซิ่งออยล์ (Cleansing Oil) ตัวนี้เหมาะกับเครื่องสำอางกันน้ำ นวด ๆ บนผิวแล้วล้างออก
  • คลีนซิ่งบาล์ม (Cleansing Balm) เนื้อบาล์มใช้ง่าย ช่วยล้างเครื่องสำอางได้ดี แถมยังบำรุงผิวไปในตัว

คลีนเซอร์ (Cleanser)

  • สบู่ล้างหน้า (Soap) ทำความสะอาดได้ดี แต่บางทีอาจจะทำให้ผิวแห้งตึงได้
  • เจลล้างหน้า (Gel) มีทั้งแบบมีฟองและไม่มีฟอง เหมาะกับคนผิวมัน
  • โฟมล้างหน้า (Foam) เป็นที่นิยม ใช้สะดวก ทำความสะอาดได้ดี

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่น ๆ

  • แชมพู ใช้สระผม ทำความสะอาดหนังศีรษะ
  • ครีมนวดผม ช่วยให้ผมนุ่มลื่น ไม่พันกัน
  • เจลล้างมือ ทำความสะอาดมือ ช่วยลดเชื้อโรค
  • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น ดูแลความสะอาดเฉพาะจุด

เครื่องสำอางบำรุงผิว

สกินแคร์หรือเครื่องสำอางบำรุงผิวคือผลิตภัณฑ์ที่เราใช้กับผิว เพื่อบำรุงและดูแลให้ผิวของเรามีสุขภาพดี ซึ่งมีหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันไป

  • โทนเนอร์ (Toner) ช่วยปรับสมดุลผิว ขจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างในรูขุมขน และเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อเหลวใสคล้ายน้ำ มีทั้งแบบมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์
  • เอสเซนส์ (Essence) หรือที่เรียกกันว่า “น้ำตบ” ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น มีเนื้อบางเบา ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว
  • เซรั่ม (Serum) มีส่วนผสมที่เข้มข้น เช่น วิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึกและแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ เนื้อเซรั่มจะบางเบาแต่เข้มข้นกว่าเอสเซนส์
  • อิมัลชัน (Emulsion) เป็นมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบา ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับสมดุลผิว เหมาะสำหรับคนผิวมัน
  • โลชั่น (Lotion) ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเคลือบผิว เพื่อลดการสูญเสียน้ำ เนื้อโลชั่นจะเข้มข้นกว่าอิมัลชันเล็กน้อย
  • ครีม (Cream) มีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นที่สุดและมีส่วนผสมของน้ำมันเยอะ ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ยาวนาน

เครื่องสำอางเมกอัปสำหรับตกแต่ง

เครื่องสำอางสำหรับตกแต่งมีหลายประเภทที่ช่วยเพิ่มความสวยงามและเสริมสร้างลุคให้กับใบหน้าของเราได้หลากหลายสไตล์ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

เมกอัปสำหรับงานผิว

  • ไพรเมอร์ (Primer) ไพรเมอร์คือตัวช่วยปรับสภาพผิวหน้าให้เรียบเนียน กลบรูขุมขน และช่วยให้เครื่องสำอางติดทนทานตลอดวัน มีให้เลือกหลายสูตร ทั้งแบบคุมความมัน เพิ่มความชุ่มชื้น หรือสูตรเฉพาะสำหรับคนที่มีรูขุมขนกว้าง เคล็ดลับคือทาไพรเมอร์แล้วรอให้เซ็ตตัวก่อนลงเครื่องสำอางชิ้นอื่น ๆ จะช่วยให้เครื่องสำอางติดทนมากขึ้น
  • รองพื้น (Foundation) รองพื้นช่วยปกปิดจุดบกพร่องบนใบหน้า เช่น รอยดำ ฝ้า ซึ่งมีให้เลือกหลายเฉดสีและเนื้อสัมผัส ทั้งแบบเนื้อครีมเข้มข้นและแบบบางเบา ควรเลือกรองพื้นที่เข้ากับสีผิวและสภาพผิวของเรา โดยทั่วไปรองพื้นมี 3 ประเภท ได้แก่
  1. Liquid Foundation รองพื้นเนื้อเหลว ปกปิดบางเบาถึงปานกลาง เหมาะสำหรับผิวธรรมดาถึงผิวมัน
  2. Stick Foundation รองพื้นแบบแท่ง ปกปิดปานกลางถึงมาก เหมาะสำหรับผิวแห้งถึงผิวผสม
  3. Cream-to-powder Foundation รองพื้นเนื้อครีมเปลี่ยนเป็นแป้ง ปกปิดปานกลาง เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
  • คอนซีลเลอร์ (Concealer) คอนซีลเลอร์ช่วยปกปิดเฉพาะจุดที่ต้องการการปกปิดเป็นพิเศษ เช่น รอยคล้ำใต้ตา รอยแดงจากสิว หรือจุดด่างดำ การใช้คอนซีลเลอร์จะช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น นอกจากนี้คอนซีลเลอร์ยังสามารถใช้ไฮไลท์เพิ่มมิติให้กับใบหน้าได้อีกด้วย มีทั้งแบบเนื้อน้ำและเนื้อครีมให้เลือกใช้ แนะนำให้เลือกสีที่สว่างกว่าผิว 1 เฉดเพื่อการปกปิดที่ดียิ่งขึ้น
  • แป้ง (Powder) แป้งใช้สำหรับเซ็ตเครื่องสำอางเป็นขั้นตอนสุดท้าย มีหลายประเภทให้เลือก ทั้งแบบปกปิดริ้วรอย ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และดูดซับความมันส่วนเกิน สามารถเลือกใช้ได้ตามความสะดวกและความต้องการ หากต้องการความบางเบาเป็นธรรมชาติแนะนำแป้งฝุ่น หากต้องการปกปิดริ้วรอยใช้แป้งอัดแข็งเพิ่มได้เช่นกัน

เมกอัปสำหรับแต่งตา

  • อายแชโดว์ (Eyeshadow) อายแชโดว์ช่วยเพิ่มสีสันและความน่าสนใจให้กับดวงตา มีให้เลือกหลายแบบ นอกจากจะใช้แต่งตาแล้ว อายแชโดว์ยังสามารถใช้ทำบรอนเซอร์เพื่อสร้างมิติให้กับใบหน้าได้อีกด้วย
  1. แบบฝุ่น เป็นที่นิยมเพราะใช้ง่าย เกลี่ยสีได้ง่าย
  2. แบบครีม ติดทนทานเหมือนแบบน้ำ แต่คนผิวเปลือกตามันอาจจะไม่เหมาะ เพราะอาจจะทำให้เป็นคราบได้
  3. แบบผงพิกเมนต์ สีชัดเจน แต่ต้องใช้ความชำนาญในการใช้
  • อายไลเนอร์ (Eyeliner) อายไลเนอร์ช่วยให้ดวงตาดูคมชัดและมีมิติมากขึ้น มีหลายรูปแบบให้เลือก ทั้งแบบดินสอ แบบเมจิก แบบเจล แบบน้ำ และแบบฝุ่น
  1. แบบดินสอ เหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะควบคุมได้ง่าย
  2. แบบเมจิก/เจล/น้ำ/ฝุ่น เหมาะสำหรับคนที่ชำนาญแล้ว เพราะจะให้เส้นที่คมชัดกว่าและสามารถสร้างลุคได้หลากหลายกว่า
  • มาสคาร่า (Mascara) มาสคาร่าช่วยให้ขนตาดูหนา ยาว และงอนขึ้น ทำให้ดวงตาดูกลมโตและโดดเด่น มีทั้งแบบกันน้ำและไม่กันน้ำ
  1. แบบกันน้ำ เหมาะสำหรับคนที่อยากให้ขนตาสวยทนทานตลอดวัน ไม่ต้องกลัวเป็นแพนด้า
  2. แบบไม่กันน้ำ เหมาะสำหรับคนที่ชอบลุคบางเบา เป็นธรรมชาติ

เมกอัปสำหรับคิ้ว

  • ดินสอเขียนคิ้ว เป็นที่นิยมเพราะใช้งานง่าย ให้เส้นที่คมชัด และราคาไม่แพง เหมาะสำหรับมือใหม่หัดเขียนคิ้ว ควรเลือกสีที่ใกล้เคียงกับสีผมเพื่อลุคที่เป็นธรรมชาติ
  • ที่เขียนคิ้วแบบฝุ่น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคิ้วที่ดูฟุ้ง ๆ เป็นธรรมชาติเหมือนไม่ได้ตั้งใจเขียน ส่วนใหญ่จะมีแปรงมาให้ 2 ด้าน ด้านหนึ่งสำหรับวาดโครงคิ้วและถมสี อีกด้านเป็นหัวฟุ้งสำหรับเบลนด์สีให้กลมกลืน
  • เจลเขียนคิ้ว เจลเขียนคิ้วมีข้อดีคือติดทนทานและให้เส้นที่คมกริบ เหมาะสำหรับคนที่ชอบแต่งหน้าสไตล์สายฝอ แต่อาจจะต้องฝึกฝนการใช้สักหน่อยเพราะต้องควบคุมน้ำหนักมือให้ดี
  • มาสคาร่าคิ้ว มาสคาร่าคิ้วเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเขียนคิ้ว ช่วยให้คิ้วดูฟุ้ง ไม่ดูแข็งทื่อ แถมยังช่วยจัดระเบียบขนคิ้วให้เรียงตัวสวยงาม ทำให้คิ้วดูคมชัดและใบหน้าดูโดดเด่นยิ่งขึ้น

เมกอัปสำหรับแต่งแก้ม

  • บลัชออน ช่วยเพิ่มสีสันให้ใบหน้า ดูมีเลือดฝาด ส่วนใหญ่จะเน้นสีโทนชมพู มีทั้งแบบฝุ่นและแบบครีม
  1. แบบฝุ่น ให้ลุคบางเบา สามารถเติมระหว่างวันได้
  2. แบบครีม เม็ดสีชัดเจนกว่าและติดทนทานกว่า
  • ไฮไลท์ ช่วยให้ใบหน้าดูพุ่งและโดดเด่น โดยเน้นบริเวณที่ต้องการ ทำให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น มีทั้งแบบฝุ่น แบบครีม และแบบเจล
  1. แบบฝุ่น เหมาะกับการแต่งหน้าทั่วไป
  2. แบบครีม เหมาะกับการแต่งหน้าแบบธรรมชาติ
  3. แบบเจล เหมาะกับการแต่งหน้าจัดเต็ม เพราะสีชัดเจนและติดทน แต่เกลี่ยยากกว่า
  • บรอนเซอร์ หรือเฉดดิ้งช่วยเพิ่มมิติให้ใบหน้า ทำให้ผิวดูสุขภาพดี มีความบ่มแดด และช่วยให้หน้าดูเรียวเล็ก มีทั้งแบบฝุ่นและแบบครีม
  1. แบบฝุ่น ใช้ง่าย เหมาะกับคนผิวผสมหรือผิวมัน
  2. แบบครีม ติดทนทานกว่า

เมกอัปสำหรับริมฝีปาก

เมกอัพสำหรับริมฝีปาก
  • ลิปทินต์ เนื้อบางเบา ติดทน เหมาะสำหรับใช้เป็นเบสหรือทาในชีวิตประจำวัน
  • ลิปกลอส ให้ความแวววาว ทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม
  • ลิปครีม สีชัดเจนคล้ายลิปแมตต์ แต่ไม่แห้ง มีความมันวาวมากกว่า
  • ลิปไลเนอร์ ใช้เขียนขอบปากให้คมชัด ได้รูปทรงที่ต้องการ สามารถใช้ทาทั้งปากได้ แต่ควรใช้คู่กับลิปสติกเพื่อให้ได้ลุคที่สวยสมบูรณ์

ผลิตภัณฑ์เสริมอื่น ๆ

  • บรอนเซอร์ (Bronzer) ใช้เพิ่มมิติให้กับใบหน้า ทำให้ผิวดูสุขภาพดี
  • ลิปบาล์ม (Lip balm) ช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้น ป้องกันการแห้งแตก

สรุป

เครื่องสำอางที่หลากหลาย ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ไปจนถึงเครื่องสำอางสำหรับแต่งหน้า แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมความงามมีความซับซ้อนและต้องการความเชี่ยวชาญในการผลิตเฉพาะด้าน โรงงาน Dermageneration ที่ให้บริการผลิตเครื่องสำอางครบวงจร พร้อมให้คำปรึกษาและพัฒนาสูตรที่เหมาะสมกับความต้องการของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สกินแคร์ หรือเมคอัพ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานสากล GMP และ ISO เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์