อยากมีแบรนด์ เริ่มต้นอย่างไร

อยากมีแบรนด์ เป็นเจ้าของแบรนด์ของตัวเอง เริ่มต้นอย่างไร แชร์ 9 เทคนิคปั้นแบรนด์ให้ปังติดตลาด

การอยากมีแบรนด์เป็นของตัวเองกลายมาเป็นเทรนด์ที่ได้รับความสนใจจากใครหลาย ๆ คนในปัจจุบัน เพราะการมีแบรนด์เป็นของตัวเองไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด สามารถทำให้ประสบความสำเร็จได้หากเริ่มต้นได้ถูกทาง มีการจัดการวางแผนอย่างเป็นระบบ สามารถทำสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค บทความจะพาหาคำตอบสำหรับคนที่อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง ทำยังไงให้ประสบความสำเร็จ พร้อมเทคนิคการสร้างแบรนด์แบบง่ายเพื่อจะได้สร้างแบรนด์ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ

อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง เริ่มต้นอย่างไรบ้าง?

อยากมีแบรนด์ เริ่มอย่างไรดี

หากอยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง เริ่มต้นอย่างไร ควรเริ่มต้นจากการวางแผนที่ดี ตอบคำถามสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองให้ได้ ก็จะทำให้เรามีเป้าหมายพร้อมลงมือทำให้ประสบความสำเร็จได้ โดยสิ่งที่ต้องพิจารณาสำหรับคนที่อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเองมีดังนี้

1. หาสินค้าที่ใช่สำหรับการสร้างแบรนด์ของตัวเอง

สิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับการสร้างแบรนด์คือ สร้างแบรนด์ของสินค้าอะไร หากไม่มีคำตอบสำหรับสิ่งนี้คุณจะไม่สามารถไปต่อในการทำแบรนด์ของตัวเองได้เลย โดยแนะนำว่าอาจจะเริ่มต้นจากสิ่งที่ตัวเองชอบ สิ่งที่ตัวเองถนัดหรือสิ่งใกล้ตัว เพราะถ้าหากทำจากที่ตัวเองรักแล้วนั้น ธุรกิจหรือแบรนด์ของคุณจะออกมาดีอย่างแน่นอน

2. มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง

การสร้างเอกลักษณ์ สร้างสไตล์ที่ไม่เหมือนใครให้กับแบรนด์ของเราเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะทำให้สามารถตอบคำถามได้ว่า ทำไมลูกค้าถึงต้องซื้อของของเรา จุดเด่นของสินค้าเราคืออะไร หรือภาพจำเกี่ยวกับแบรนด์ของเราคืออะไร เพื่อที่จะทำให้ง่ายต่อการพัฒนาสินค้าและง่ายต่อการพัฒนาแบรนด์ของคุณต่อไป

3. สร้างความแตกต่างของสินค้า

สินค้ามีมากมายหลากหลายประเภท หลากหลายแบบ ทำอย่างไรเพื่อที่สินค้าของเราจะแตกต่าง และโดดเด่นจากคู่แข่ง ดึงดูดลูกค้าให้สนใจในสินค้าของเรา โดยเราต้องหาจุดเด่น จุดแตกต่างของสินค้าเราได้เจอ ข้อนี้จึงมีความสำคัญอย่างมาก โดยอาจจะแตกต่างที่คุณภาพ ราคา บรรจุภัณฑ์ หรือสไตล์ของแบรนด์ ยิ่งสินค้าเรามีความแตกต่างมากเท่าไหร่ ยิ่งได้รับความสนใจมากเท่านั้น

4. ศึกษาและรู้จักกลุ่มเป้าหมาย

เมื่อกำหนดสินค้าที่จะขาย และเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้แล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อมาคือศึกษาและรู้จักกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง หรือรู้จักคนที่จะมาซื้อสินค้าของเรา ว่าเป็นใคร เพศไหน อายุเท่าไหร่ รวมถึงข้อมูลยิบย่อยอย่าง มีความสนใจในด้านไหนบ้าง ยิ่งถ้าเรามีข้อมูลและเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของเรา จะสามารถทำให้เราออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์และแบรนด์ของเราให้ตรงกับพฤติกรรมของลูกค้า และจะได้ทำการสื่อสารให้ไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจนและถูกต้องได้นั่นเอง

5. ทำการเลือกช่องทางการขายสินค้า

สินค้าพร้อมขาย สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อมาคือจะนำสินค้านั้นไปขายที่ไหน เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าเราได้ง่าย และเพื่อที่จะได้ทำการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักแบรนด์เรามากยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันก็จะเน้นไปที่ขายบนออนไลน์แฟลตฟอร์ม เช่น Instagram, Facebook หรือ TikTok หรือ E-Commerce อย่าง Shopee, Lazada แต่หากใครสนใจขายหน้าร้านก็ต้องศึกษาเรื่องทำเล ที่ตั้งให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่เราวางไว้

6. รู้จริงและรู้ลึกเกี่ยวกับสินค้าของตัวเอง

การสร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์และสินค้าของคุณอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญคือ การรู้ลึกและรู้จักสินค้าของคุณเอง เพราะหากมีคำถามเกี่ยวกับข้อมูลของสินค้า คุณต้องเป็นคนตอบคำถามเหล่านั้นให้ได้ และต้องตอบแบบคนรู้จริง เพราะหากตอบไม่ได้หรือไม่ตรงคำถาม อาจจะทำให้ลูกค้าหมดความเชื่อถือได้

7. ทำการสำรวจตลาด พร้อมศึกษาคู่แข่งอยู่เสมอ

การสร้างแบรนด์หรือทำธุรกิจของคุณนั้นไม่ได้ทำเพียงเจ้าเดียวในตลาด สิ่งที่แบรนด์ต้องทำคือการสำรวจตลาด สำรวจคู่แข่ง เพื่อศึกษาแนวทางในการทำการตลาด ข้อดี ข้อเสียของคู่แข่ง เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าและแบรนด์ของเราให้มีความโดดเด่นกว่าตลาดและแตกต่างกว่าคู่แข่ง

8. มีทักษะการสื่อสารที่ดี ส่งตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย

การทำการตลาดเป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องทำการวางแผน หนึ่งในนั้นคือการทำการตลาดผ่านการสื่อสารของแบรนด์ เช่นการสื่อสารผ่านการผลิตคอนเทนต์ต่าง ๆ การสื่อสารผ่านอินฟลูเอนเซอร์ หรือการสื่อสารกับลูกค้าหากมีหน้าร้าน แต่ถ้าหากสื่อสารไม่ดี อาจทำให้สารนั้นส่งไม่ถึงกลุ่มเป้าหมาย หรืออาจทำให้ลูกค้าไม่มีความเชื่อถือกับแบรนด์ได้

แนะนำบทความ : ตั้งชื่อแบรนด์ครีม แบรนด์สกินแคร์ มงคลๆ ยังไงให้คนจำง่าย ไม่ซ้ำใคร

9. ปรึกษาหาความรู้กับคนเก่ง หรือหาพาร์ทเนอร์ที่มีคุณภาพ

การอยากมีแบรนด์เป็นของตัวเองและสามารถประสบความสำเร็จได้ การขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการทำธุรกิจกับคนที่เก่ง หรือคนที่เคยผ่านการสร้างแบรนด์ของตัวเองมาก่อน เรียนรู้จากข้อคิด และข้อผิดพลาดของผู้มีประสบการณ์ หรือการหาพาร์ทเนอร์ที่มีประสบการณ์ในการสร้างแบรนด์ เพื่อช่วยในการวางแผนทั้งแต่ขั้นตอนการผลิตจนไปจนจบทุกขั้นตอน จะสามารถช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นสำหรับแบรนด์ของเราได้

10. เรียนรู้ อัปเดตเทรนด์ใหม่อยู่เสมอ

ในปัจจุบันที่เราจะเห็นถึงกระแส หรือเทรนด์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา พฤติกรรม ความสนใจของผู้บริโภคก็ปรับเปลี่ยนตลอดเวลาเช่นเดียวกัน การเรียนรู้ อัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น เทรนด์คุณภาพสินค้า เทรนด์เทคโนโลยี รวมถึงเทรนด์การทำการตลาดแบบใหม่ ๆ เป็นต้น จะช่วยทำให้แบรนด์ของเราไม่ล้าสมัย สามารถนำมาพัฒนาสินค้าและแบรนด์ของเราให้ตามทันกระแส ตามทันเทรนด์ที่เปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็ว

อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ใช้งบเท่าไหร่

อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ใช้งบเยอะไหม

งบประมาณในการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองนั้นแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยและค่าใช้จ่ายในหลาย ๆ ด้าน โดยพิจารณาจากทั้งเรื่องของต้นทุนวัตถุดิบ ค่าพัฒนาสูตร พัฒนาผลิตภัณฑ์ ค่าใช้จ่ายในการผลิต ค่าออกแบบบรรจุภัณฑ์ ออกแบบโลโก้ ค่าจดทะเบียนสินค้า รวมถึงการทำการตลาดเพื่อทำให้รู้จักแบรนด์ของเรา หรือการสื่อสารเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งหมดล้วนเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องนำมาประเมินงบประมาณในการสร้างแบรนด์ แต่ถ้าหากแนะนำสำหรับผู้ที่เริ่มต้น ควรมีเงินสำรองหลักหมื่นบาทขึ้นไป และหาโรงงานที่มีคุณภาพที่คอยช่วยเหลือและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์ของคุณได้

อ่านบทความเพิ่มเติม : สร้างแบรนด์ครีม ลงทุนเท่าไหร่? มีงบไม่มากแต่อยากสร้างธุรกิจทำได้หรือไม่ อัพเดท 2025

เป็นเจ้าของแบรนด์ของตัวเอง มีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง

อยากมีแบรนด์ของตัวเอง นั้นย่อมมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน เรามาทำความเข้าใจในข้อแตกต่างของทั้งสองเพื่อที่จะได้ใช้ในการประกอบการตัดสินใจในการเริ่มต้นทำแบรนด์เป็นของตัวเอง

ข้อดีของการมีแบรนด์เป็นของตัวเอง

ข้อดีของการเป็นเจ้าของแบรนด์
  • สามารถย้ายฐานการผลิตได้ง่าย
  • ไม่จำเป็นต้องมีโรงงานเป็นของตัวเอง
  • มีอิสระในการบริหาร วางแผนจัดการ
  • สามารถกำหนดรูปแบบสินค้าตามที่ต้องการได้ สร้างความแตกต่างของสินค้าได้ง่าย
  • มีโอกาสในการขยายกิจการให้เติบโตและเพิ่มมูลค่าให้แบรนด์เพิ่มขึ้นได้
  • มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาและดูแลการผลิต

ข้อเสียของการมีแบรนด์เป็นของตัวเอง

ข้อเสียของการเป็นเจ้าของแบรนด์
  • ต้นทุนในการผลิตสูง มีค่าออกแบบโลโก้ บรรจุภัณฑ์ การทำการตลาด
  • ต้องใช้เวลาในการสร้างแบรนด์
  • มีการแข่งขันสูง
  • ต้องมีการปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
  • อาจไม่ได้เหมาะกับทุกธุรกิจ หากในธุรกิจนั้นไม่มีความแตกต่างจากคู่แข่งมากนัก
  • ต้องมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาและรักษาความแข็งแกร่งของแบรนด์

การมีแบรนด์เป็นของตัวเองมีข้อควรระวังอะไรบ้าง?

การมีแบรนด์เป็นของตัวเองนั้นเปรียบเสมือนการเลี้ยงลูก ที่เราอยากให้ลูกของเราเติบโตอย่างมีคุณภาพ แต่ไม่ใช่ทุกแบรนด์ที่ทำให้ธุรกิจนั้นเติบโตอย่างที่ตัวเองคิด วันนี้เลยมีข้อควรระวังในการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองมาให้เป็นข้อคิดในการพิจารณาหลัก ๆ 3 ข้อดังนี้

  • 1.     ระวังอย่ามั่นใจในสินค้าของตัวเองเกินไป
    • ลูกค้าไม่รู้ที่มา ที่ไปของสินค้าเรา ไม่รู้ว่าสินค้าเรามีคุณภาพมากแค่ไหนถ้าเทียบกับเจ้าของแบรนด์เอง หากมั่นใจเกินไปว่าสินค้าเราขายได้ อาจจะทำให้ธุรกิจเราพังพินาศได้ วิธีที่สามารถช่วยได้คือ อย่ามั่นใจเกินไปและคอยทำการสื่อสาร โปรโมตตัวคุณภาพสินค้า อาจจะต้องใช้เวลาเพื่อให้ลูกค้ารู้จักและเชื่อถือแบรนด์เรา
  • 2.     ระวังเรื่องของการตั้งราคา
    • อีกหนึ่งข้อควรระวังคือการตั้งราคา ที่เมื่อมีการตั้งราคาไปแล้วจะกลายเป็นภาพจำของลูกค้า ภาพจำเรื่องของความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา หากมีการขึ้นราคาแต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสินค้า อาจทำให้ลูกค้าไม่ซื้อสินค้าเราได้ แนะนำให้ตั้งราคาเป็นตัวเลขที่แน่นอนโดยคำนวณกำไร หรือคู่แข่งในตลาด ที่ทำให้ธุรกิจของเราไม่ขาดทุนและไม่เกิดปัญหาภายหลัง
  • 3.     ระวังเรื่องต้นทุนที่งอกเงย
    • การเตรียมการ หรือเตรียมเงินทุนไว้สำรองนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เผื่อมีต้นทุนที่งอกเงยมาภายหลัง โดยต้นทุนที่อาจจะงอกเงยมาที่หลังมีดังนี้
      • Economy of scale: การยิ่งผลิตมาก ต้นทุนยิ่งถูกลง แต่ไม่ใช่ทุกคนจะรู้ว่าต้นทุนจะถูกลง
      • การทำคลิปโปรโมต Production ต่าง ๆ: การโปรโมตสินค้าที่อยากจะทำให้คนซื้อสินค้าหรือรู้จักแบรนด์ อาจจะมีการจ้างหรือค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มมาได้
      • การลงโฆษณาออฟไลน์: สามารถกระจายการรับรู้ได้อย่างดี แต่ถ้าหากแบรนด์ยังไม่นิ่ง คำที่อยากจะสื่อสารยังไม่ชัดเจน การปล่อยโฆษณาออฟไลน์อาจจะทำให้เสียต้นทุนและกลับมาแก้ไขได้ยาก

เปรียบเทียบการมีแบรนด์เป็นของตัวเอง กับ การซื้อมาขายไปแบบไหนดีกว่ากัน?

เป็นเจ้าของแบรนด์ กับ ซื้อมาขายไป แบบไหนดีกว่ากัน

จากที่เห็นว่าข้อดี ข้อเสียของการมีแบรนด์เป็นของตัวเองนั้นมีอะไรบ้าง หลาย ๆ คนอาจจะมีคำถามว่าแล้วการมีแบรนด์เป็นของตัวเอง กับการทำธุรกิจซื้อมาขายไปแบบไหนดีกว่ากัน หากตอบคำถามนี้ต้องบอกว่าการทำธุรกิจทั้ง 2 แบบมีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการทำธุรกิจ เช่น หากอยากลงทุนในระยะยาว มีเงินลงทุนมากกว่า การสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองนั้นตอบโจทย์ แต่หากอยากเริ่มต้นอย่างง่าย ไม่ต้องลงทุนเยอะ ไม่ต้องใช้เวลาสร้างแบรนด์ แต่สินค้าจะไม่มีความแตกต่างในตลาด การทำธุรกิจซื้อมาขายไปจะตอบโจทย์มากกว่า

สร้างแบรนด์ตัวเองขายอะไรดี เทรนด์สินค้าที่ได้รับความนิยมตลอดกาล

เทรนด์สินค้าที่ได้รับของนิยมนำมาทำแบรนด์

หากอยากสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง แต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำแบรนด์อะไร ผลิตสินค้าแบบไหน ขอแนะนำเทรนด์สินค้าที่ได้รับความนิยม เหมาะแก่การสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง เผื่อเป็นไอเดียในการคิดสินค้าได้

  • ครีม สกินแคร์ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
  • เทรนด์เรื่องความสวย ความงามยังคงเป็นกระแสที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะใคร ๆ ไม่ว่าจะเพศไหน หรือวัยไหน ก็อยากมีผิวพรรณที่ดี ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ครีม สกินแคร์จึงเป็นสินค้าที่เหมาะแก่การนำมาสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง และมีโอกาสในการต่อยอดและเติบโตของธุรกิจอย่างแน่นอน
  • เครื่องสำอาง
  • อีกหนึ่งเทรนด์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องไม่แพ้กันคือ เทรนด์ของเครื่องสำอาง ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น ลิปสติก รองพื้น มาสคาร่า  จึงเป็นสินค้าที่เหมาะแก่การนำมาสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง และสามารถต่อยอดผลิตสินค้าใหม่ ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ให้ตรงกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงเวลาได้
  • แฟชั่นเสื้อผ้า
  • เสื้อผ้าถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในการใช้ชีวิตของผู้คน และมีเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นสินค้าที่นิยมนำมาทำแบรนด์เป็นของตัวเองลำดับต้น ๆ อีกอันหนึ่ง หาความแตกต่าง สร้างความโดดเด่นของสินค้าตัวเอง และหากลุ่มเป้าหมายให้เจอก็จะช่วยทำให้ธุรกิจเราเติบโตได้ไม่ยาก

ทำแบรนด์เป็นของตัวเองยากไหม

การอยากมีแบรนด์เป็นของตัวเองนั้นไม่ยาก หากมีการวางแผนที่ดี ศึกษาหาข้อมูล ศึกษาข้อดี ข้อเสีย รวมถึงข้อควรระวังต่าง ๆ ในการสร้างแบรนด์และนำมาพิจารณากับการเริ่มต้นการทำแบรนด์ของคุณ หรือหากมีความคิดที่อยากสร้างแบรนด์แต่ยังไม่มีความรู้ก็สามารถหาพาร์ทเนอร์ที่จะช่วยให้คำปรึกษาตลอดทั้งกระบวนการการสร้างแบรนด์ของคุณได้ แค่นี้การสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องยากที่หลาย ๆ คนเข้าใจ

วิธีเลือกโรงงานให้เหมาะกับธุรกิจสำหรับมือใหม่

อย่างที่กล่าวไปว่าการหาพาร์ทเนอร์ที่มีคุณภาพช่วยให้คุณสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จได้ หากคุณมีสินค้าที่อยากขาย เริ่มต้นด้วยการเลือกโรงงานเพื่อผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ตรงตามรูปแบบที่คุณต้องการ เลือกโรงงานมาตรฐานแบบ OEM, ODM ที่ช่วยให้คุณผลิตและออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงมีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาตลอดกระบวนการทำการตลาด ที่สามารถช่วยคุณทำแบรนด์แบบครบวงจร การเลือกโรงงานที่เหมาะสมก็จะช่วยทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างที่คุณต้องการได้

สรุป

การมีแบรนด์เป็นของตัวเองไม่ได้ยากอย่างที่คิด หากมีการเริ่มต้นและเตรียมตัวที่ดี มีการวางแผนที่รัดกุม หรือหากเป็นมือใหม่ ไม่มีความรู้หรือประสบการณ์มาก่อน ก็ควรหาพาร์ทเนอร์ทางการตลาด ที่มีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์คอยให้คำปรึกษา และแนะนำเพื่อให้แบรนด์ของคุณประสบความสำเร็จอย่างที่คุณตั้งเป้าหมายไว้